190 จำนวนผู้เข้าชม |
เคยไหมที่ได้เห็นงานฝีมือชิ้นหนึ่งแล้วสัมผัสได้ถึงเรื่องราวของผู้สร้างสรรค์ที่ซ่อนอยู่เบื้องหลัง? งาน “ช่างศิลป์ถิ่นไทย สืบสานให้ยั่งยืน” คือพื้นที่ที่เต็มไปด้วยความรู้สึกแบบนั้นเลยครับ นี่ไม่ใช่แค่การจัดแสดงของสวยๆ งามๆ แต่เป็นเวทีที่ช่วยต่อลมหายใจให้งานหัตถศิลป์พื้นบ้านที่กำลังจะเลือนหายให้กลับมามีชีวิตอีกครั้ง มันคือความตั้งใจอันแน่วแน่ของกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) ที่อยากจะทำนุบำรุงรากเหง้าทางวัฒนธรรมเหล่านี้ให้แข็งแรง เป็นทุนชีวิตที่ไม่ใช่แค่สวยงาม แต่ยังต่อยอดเป็นอาชีพได้จริง และยังเป็นการเดินตามรอยพระบาทของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ที่ทรงให้ความสำคัญกับการรักษาศิลปะของชาติมาอย่างยาวนาน
งานครั้งที่ 3 นี้มีผลงานจาก 34 สถาบันอุดมศึกษาทั่วประเทศมาร่วมกันสร้างสรรค์ตลอดระยะเวลา 3 ปีที่ผ่านมา ซึ่งผลงานเหล่านี้ได้กลายเป็นรูปธรรมที่จับต้องได้ในจังหวัดต่างๆ ทั่วประเทศ ถือเป็นการแสดงให้เห็นถึงบทบาทสำคัญของ อว. ในการนำองค์ความรู้มาส่งเสริมและสร้างเศรษฐกิจสร้างสรรค์ให้กับชุมชน นอกจากนิทรรศการที่ชวนให้ตื่นตาตื่นใจแล้ว ยังมีกิจกรรมที่น่าสนใจอีกมากมาย ทั้งการเปิดตัวฐานข้อมูลช่างศิลป์ท้องถิ่นออนไลน์ผ่านเว็บไซต์ www.thaiartisan.org ซึ่งรวบรวมองค์ความรู้ที่ใกล้สูญหายและภูมิปัญญาเชิงช่างสำคัญไว้ครบครัน ตั้งแต่ เครื่องรักเครื่องเขินล้านนา การฝังลายไม้มูก การทอผ้าขิดตีนดาว ไปจนถึงงานพุทธศิลป์ใน 3 จังหวัดอย่าง พุทธศิลป์น่านบริสุทธิ์ จิตรกรรมฝาผนังวัดในจังหวัดน่าน เครื่องพุทธบูชานครศรีธรรมราช และงานพุทธศิลป์จังหวัดเพชรบุรี นอกจากนี้ยังมีเวทีเสวนาที่เปิดโอกาสให้นักวิชาการและครูช่างฝีมือจากทั่วทุกสารทิศได้มาถ่ายทอดองค์ความรู้และประสบการณ์ร่วมกัน
หนึ่งในผลงานที่น่าสนใจและสร้างความประทับใจเป็นอย่างยิ่งคือผลงานจาก จังหวัดน่าน เมืองเล็กๆ ทางเหนือที่เต็มไปด้วยเสน่ห์ของงานช่างฝีมือ วิทยาลัยชุมชนน่านภายใต้การนำของผู้อำนวยการ คุณพิมลพรรณ สกิดรัมย์ ได้นำงานหัตถศิลป์ที่น่าสนใจหลายชิ้นมาจัดแสดง ซึ่งแต่ละชิ้นก็สะท้อนให้เห็นถึงตัวตนของคนน่านได้อย่างชัดเจน งานจักสานจากไผ่และหญ้าสามเหลี่ยมที่ละเอียดประณีตไม่ใช่แค่ตะกร้าหรือกระเป๋า แต่คือวิถีชีวิตที่พึ่งพิงธรรมชาติ งานแกะสลักหัวเรือแข่งน่านก็ไม่ใช่แค่ไม้แกะสลัก
แต่คือตัวแทนของประเพณีความสามัคคีที่สืบทอดมาอย่างยาวนาน และพระไม้ที่ดูงดงามอ่อนช้อยก็คือศรัทธาของคนในท้องถิ่นที่ถูกถ่ายทอดออกมาด้วยปลายสิ่วของช่างฝีมือ ทุกชิ้นงานจึงเปรียบเสมือนร่องรอยของอดีตที่ยังมีชีวิต บอกเล่าเรื่องราวความรุ่งเรืองที่ยังไม่เลือนหาย และเป็นแรงบันดาลใจให้คนรุ่นใหม่ได้เรียนรู้และสานต่อ เพื่อให้ภูมิปัญญานี้ไม่ได้หยุดอยู่แค่ในพิพิธภัณฑ์ แต่จะยังคงโลดแล่นอยู่ในโลกปัจจุบันได้อย่างสง่างาม